วิธีสอนลูกของพ่อจน (หรือรายที่ไม่อยากส่งลูกไปกวดวิชา)
ผมได้อ่านหนังสือเรื่องพ่อจนสอนลูกเรียนเก่ง
http://www.komchadluek.net/detail/20140824/190680.html แล้วมีไอเดียดี ๆ มาฝากครับ (คลิกเข้าไปดูในเว็บที่ให้ลิงก์มาก็จะเห็นสรุปสิ่งดี ๆ ในนั้นได้ด้วย)
1 ให้ลูกตั้งใจเรียนในห้องเรียนให้ดีที่สุด จดให้มาก อาจจะวาดรูปประกอบด้วยก็จะทำให้จำได้ดีขึ้น สิ่งที่ไม่เข้าใจอย่าปล่อยทิ้งไว้ หาโอกาสประกบครูถามข้อสงสัย หรือถ้าจำเป็นก็ไปหาที่ห้องพักครู เด็กปัจจุบันให้ความสำคัญกับการเรียนที่รร.น้อย คิดว่าจะไปหาเพิ่มจากการกวดวิชา ซึ่งเป็นแนวคิดที่คนเขียนไม่เห็นด้วย คิดว่าถ้าเก็บได้หมดจากรร. ลูกก็ได้ความรู้ที่จำเป็นมากพอควร
2 เปิดโลกทัศน์ให้ลูกด้วยการพาไปชมนิทรรศการทางศิลปะ ดนตรี (ซึ่งมีที่ฟรีอยู่เยอะแยะ) ทำให้ลูกค่อย ๆ ซึมซับสิ่งเหล่านี้ และนำไปใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต
3 ตัดข่าวหรือบทความที่น่าสนใจจากนสพ.ให้ลูกอ่านวันละนิด (รายนี้พ่อให้อ่านตอนเข้าห้องน้ำ) อ่านไป ๆ ก็เริ่มมีเรื่องมาอภิปรายกันในครอบครัว เป็นการเปิดโลกกว้างให้ลูก ค่อย ๆ เลือกเรื่องที่ยากขึ้นเรื่อย ๆ (ความเห็นของคนเขียน เขาชื่นชมว่า ข่าวที่ดี จะถูกย่อยแล้วเลือกมานำเสนออย่างน่าสนใจ นอกจากนี้โทรทัศน์ถ้ารู้จักเลือก ก็จะนำเสนอข่าวในรูปของภาพเคลื่อนไหว ที่จะช่วยให้ลูกเรียนรู้ได้อย่างประทับใจมากขึ้นด้วย)
4 งดดูโทรทัศน์ช่วงเตรียมสอบ งดทั้งบ้านเลย ประมาณ 20 วันก่อนสอบ
5 ท่องไวยากรณ์อังกฤษให้ได้ก่อนจบมัธยมต้น เพราะหลังจากนั้นจะได้ไปฝึกฝนเพิ่มเติมเรื่องอื่น ๆ
6 ต้องอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษดัง ๆ จะให้สำเนียงดีขึ้น และฟังเก่งขึ้นด้วย
7 เข้าใจคุณครูว่า อาจจะลืมได้ ไม่ได้รู้ทั้งหมด ฯ ล ฯ และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับครู ซึ่งจะทำให้ได้รับการถ่ายทอดความรู้อย่างเต็มที่ ในบรรยากาศที่ดี
8 เข้าร่วมสัมมนาการแนะแนวเข้ามหาวิทยาลัยแต่เนิ่น ๆ (ม.ต้น หรือม.4) เพื่อวางแผนแก้ไขปรับปรุง
9 ตีโจทย์เลขให้แตก พยายามเอาชนะให้ได้
10 วางแผนกิจกรรมและเรื่องที่ควรเสริมช่วงปิดเทอมให้ดี ทำตารางและแผนงานที่ชัดเจน (วางแผนร่วมกับลูก)
11 หาหนังสือดี ๆ ให้ลูกอ่านอย่างสม่ำเสมอ อย่าลืมนึกถึงห้องสมุด (ควรฝึกย่อและสร้างอารมณ์ร่วมขณะอ่านด้วย จะได้อ่านแบบสนุกและจำได้ดี)
12 ชมเชยลูกแบบชัดเจน ไม่ซ้ำซากน่าเบื่อ เข้ากับเรื่องและสถานการณ์ (คำชมไม่ได้มีแค่ "เก่งมากลูก"เท่านั้นนะ)
13 นอนให้พอ อาจจะยกเว้นได้บ้างในคืนก่อนสอบ
14 พักเป็นระยะ ๆ เมื่อล้า เช่นอาจจะพาไปเที่ยวบ้าง
15 คลุกคลีกับเด็กวัยลูก จะได้รับรู้แนวคิดของวัยเค้า และเข้าใจลูกได้มากขึ้น
16 เมื่อลูกเข้าใจวิธีการเรียนอย่างแตกฉานแล้ว เราก็แค่เชื่อมั่นและเฝ้าดูผลระยะยาวก็พอ
17 แหล่งเรียนรู้ดี ๆ ในเว็บมีมากมาย (YOUTUBE ก็เยอะ แต่ต้องเลือกหน่อย)
พ่อแม่คนไหน เบี้ยน้อยแต่เวลามาก ทุ่มเทให้ลูกได้ ลูกไม่อยากไปกวดวิชา หรือตั้งใจจะพัฒนาลูกเอง ลองใช้วิธีเหล่านี้ก็น่าสนใจดีนะครับ และน่าจะได้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ด้วย อ่านแล้วจะเข้าใจหัวอกพ่อที่มีแค่หัวใจที่อยากช่วยลูก ทั้งที่ขัดสนมาก มีแค่ความมุ่งมั่นและนิสัยรักการอ่านที่ได้รับการปลูกฝังมาจากครอบครัว หรืออย่างน้อยก็แวะเข้าไปอ่านในลิงก์ที่ให้มา ซึ่งกล่าวสรุปเรื่องราวได้อย่างน่าสนใจ
ขอให้ประสบความสำเร็จในการดูแลส่งเสริมลูกทุกคนเลยครับ
ปล. ใครที่อ่านหนังสือแล้วมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม หรือมีเทคนิคที่ดีอยู่แล้ว ก็นำมาแบ่งปันกันได้ครับ(ขอบพระคุณล่วงหน้า)
การพัฒนาการเรียนของลูกโดยไม่ต้องพึ่งรร.กวดวิชา
ผมได้อ่านหนังสือเรื่องพ่อจนสอนลูกเรียนเก่ง http://www.komchadluek.net/detail/20140824/190680.html แล้วมีไอเดียดี ๆ มาฝากครับ (คลิกเข้าไปดูในเว็บที่ให้ลิงก์มาก็จะเห็นสรุปสิ่งดี ๆ ในนั้นได้ด้วย)
1 ให้ลูกตั้งใจเรียนในห้องเรียนให้ดีที่สุด จดให้มาก อาจจะวาดรูปประกอบด้วยก็จะทำให้จำได้ดีขึ้น สิ่งที่ไม่เข้าใจอย่าปล่อยทิ้งไว้ หาโอกาสประกบครูถามข้อสงสัย หรือถ้าจำเป็นก็ไปหาที่ห้องพักครู เด็กปัจจุบันให้ความสำคัญกับการเรียนที่รร.น้อย คิดว่าจะไปหาเพิ่มจากการกวดวิชา ซึ่งเป็นแนวคิดที่คนเขียนไม่เห็นด้วย คิดว่าถ้าเก็บได้หมดจากรร. ลูกก็ได้ความรู้ที่จำเป็นมากพอควร
2 เปิดโลกทัศน์ให้ลูกด้วยการพาไปชมนิทรรศการทางศิลปะ ดนตรี (ซึ่งมีที่ฟรีอยู่เยอะแยะ) ทำให้ลูกค่อย ๆ ซึมซับสิ่งเหล่านี้ และนำไปใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต
3 ตัดข่าวหรือบทความที่น่าสนใจจากนสพ.ให้ลูกอ่านวันละนิด (รายนี้พ่อให้อ่านตอนเข้าห้องน้ำ) อ่านไป ๆ ก็เริ่มมีเรื่องมาอภิปรายกันในครอบครัว เป็นการเปิดโลกกว้างให้ลูก ค่อย ๆ เลือกเรื่องที่ยากขึ้นเรื่อย ๆ (ความเห็นของคนเขียน เขาชื่นชมว่า ข่าวที่ดี จะถูกย่อยแล้วเลือกมานำเสนออย่างน่าสนใจ นอกจากนี้โทรทัศน์ถ้ารู้จักเลือก ก็จะนำเสนอข่าวในรูปของภาพเคลื่อนไหว ที่จะช่วยให้ลูกเรียนรู้ได้อย่างประทับใจมากขึ้นด้วย)
4 งดดูโทรทัศน์ช่วงเตรียมสอบ งดทั้งบ้านเลย ประมาณ 20 วันก่อนสอบ
5 ท่องไวยากรณ์อังกฤษให้ได้ก่อนจบมัธยมต้น เพราะหลังจากนั้นจะได้ไปฝึกฝนเพิ่มเติมเรื่องอื่น ๆ
6 ต้องอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษดัง ๆ จะให้สำเนียงดีขึ้น และฟังเก่งขึ้นด้วย
7 เข้าใจคุณครูว่า อาจจะลืมได้ ไม่ได้รู้ทั้งหมด ฯ ล ฯ และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับครู ซึ่งจะทำให้ได้รับการถ่ายทอดความรู้อย่างเต็มที่ ในบรรยากาศที่ดี
8 เข้าร่วมสัมมนาการแนะแนวเข้ามหาวิทยาลัยแต่เนิ่น ๆ (ม.ต้น หรือม.4) เพื่อวางแผนแก้ไขปรับปรุง
9 ตีโจทย์เลขให้แตก พยายามเอาชนะให้ได้
10 วางแผนกิจกรรมและเรื่องที่ควรเสริมช่วงปิดเทอมให้ดี ทำตารางและแผนงานที่ชัดเจน (วางแผนร่วมกับลูก)
11 หาหนังสือดี ๆ ให้ลูกอ่านอย่างสม่ำเสมอ อย่าลืมนึกถึงห้องสมุด (ควรฝึกย่อและสร้างอารมณ์ร่วมขณะอ่านด้วย จะได้อ่านแบบสนุกและจำได้ดี)
12 ชมเชยลูกแบบชัดเจน ไม่ซ้ำซากน่าเบื่อ เข้ากับเรื่องและสถานการณ์ (คำชมไม่ได้มีแค่ "เก่งมากลูก"เท่านั้นนะ)
13 นอนให้พอ อาจจะยกเว้นได้บ้างในคืนก่อนสอบ
14 พักเป็นระยะ ๆ เมื่อล้า เช่นอาจจะพาไปเที่ยวบ้าง
15 คลุกคลีกับเด็กวัยลูก จะได้รับรู้แนวคิดของวัยเค้า และเข้าใจลูกได้มากขึ้น
16 เมื่อลูกเข้าใจวิธีการเรียนอย่างแตกฉานแล้ว เราก็แค่เชื่อมั่นและเฝ้าดูผลระยะยาวก็พอ
17 แหล่งเรียนรู้ดี ๆ ในเว็บมีมากมาย (YOUTUBE ก็เยอะ แต่ต้องเลือกหน่อย)
พ่อแม่คนไหน เบี้ยน้อยแต่เวลามาก ทุ่มเทให้ลูกได้ ลูกไม่อยากไปกวดวิชา หรือตั้งใจจะพัฒนาลูกเอง ลองใช้วิธีเหล่านี้ก็น่าสนใจดีนะครับ และน่าจะได้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ด้วย อ่านแล้วจะเข้าใจหัวอกพ่อที่มีแค่หัวใจที่อยากช่วยลูก ทั้งที่ขัดสนมาก มีแค่ความมุ่งมั่นและนิสัยรักการอ่านที่ได้รับการปลูกฝังมาจากครอบครัว หรืออย่างน้อยก็แวะเข้าไปอ่านในลิงก์ที่ให้มา ซึ่งกล่าวสรุปเรื่องราวได้อย่างน่าสนใจ
ขอให้ประสบความสำเร็จในการดูแลส่งเสริมลูกทุกคนเลยครับ
ปล. ใครที่อ่านหนังสือแล้วมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม หรือมีเทคนิคที่ดีอยู่แล้ว ก็นำมาแบ่งปันกันได้ครับ(ขอบพระคุณล่วงหน้า)